เหรียญพระพรหม วัดบ้านหนองเรือ ร้อยเอ็ด




เหรียญพระพรหม วัดบ้านหนองเรือ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ออกแบบสวยงามมากเหรียญพระพรหมสี่หน้าพิธีใหญ่วัดบ้านหนองเรือ อ.เสลภูมิ ร้อยเอ็ด เหรียญสภาพเดิม เนื้อฝาบาตร สภาพผิวยังเดิม

ราคา  1,000 บาท (ส่งฟรี)

     เหรียญปาฏิหาริย์ เกิดความอัศจรรย์ เจ้าของพระบอกว่าได้เหรียญนี้มา จากแผงพระแห่งหนึ่ง ชอบความสวยงามของเหรียญ และมีความศรัทธาในองค์พระพรหมอยู่แล้ว ยิ่งด้านหลังของเหรียญเป็นหนุมานเชิญธง ยิ่งชอบยิ่งถูกใจ แต่ไม่รู้หรอกว่าหลวงพ่อท่านใดเป็นผู้ปลุกเสก ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากได้เหรียญนี้มา 3 เดือน เจ้าของเล่าว่า ตกงานมา 5 เดือน เพราะวิกฤตโควิด19 ระบาด ต้องใช้เงินที่เก็บออมไว้ที่มีเพียงน้อยนิดจนหมด เหลือเงินติดตัวเพียง 25 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้นได้หันหน้าไปหยิบยืมเงินจากคนรู้จักมาหลายคน แต่ทุกคนก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธอ้างไม่มีเหมือนกัน 

     เมื่อหมดสิ้นหนทาง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน จึงตัดสินใจจะเดินไปที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากห้องพัก เกือบ 1 กิโลเมตร เพื่อจะไปขอข้าววัดกิน จึงหาถุงพลาสติกสักใบสองใบเตรียมพกติดตัวไปด้วย ขณะที่กำลังมองหาถุงพลาสติกเหลือบไปเห็นเหรียญพระพรหมที่เคยบูชามา เมื่อ 3 เดือนก่อน วางอยู่บนโต๊ะที่รกรุงรังจึงหยิบขึ้นมาดู ด้วยความครัทธา จึงพนมมือยกพระขึ้นอธิษฐาน พร้อมกับกล่าวว่า"ด้วยความศรัทธาของลูกต่อองค์พระมหาพรหม หากเหรียญพระะพรหมองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ลูกผ่านวิกฤตครั้งนี้ไป และหาเงินเพื่อเดินทางกลับบ้านได้ด้วยเทอญ สาธุ"

     แล้วตนจึงหยิบพระใส่ถุงเสื้อแล้วเดินทางไปวัด และได้ข้าวกับอาหารที่ยังเหลือเพียงเล็กน้อยซึ่งเลยเวลาพระฉันท์เพลมาสองสามมาแล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังเหลือให้กินสำหรับวันนั้น ตกกลางคืนนอนก็ไม่หลับ หิวก็หิว ในสมองคิดแก้ปัญหาชิวิตว่าจะทำอย่างไร สำหรับวันพรุ่งนี้ ยิ่งคิดยิ่งหิว จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องไปพี่งพาอาหารจากวัดอีก แล้วจึงหยิบเหรียญพระพรหมขึ้นมาอธิษอีกครั้ง ก่อนข่มตาหลับ

     เช้าวันต่อมาจึงเดินไปวัดเพื่อพึ่งพาอาหารจากวัดอีกครั้ง หลังจากท้องอิ่มสมองก็เดิน ตัดสินใจจะเอาโทรศัพท์ที่ใช้มาเกือบสามปีไปขาย ขายได้เท่าไหร่ก็เอา จึงเล็งหาร้านที่รับซื้อโทรศัพท์ที่อยูใกล้ที่สุด เมื่อนึกได้จึงนั่งรถโดยสารไปยังร้านทันที่ พอลงรถได้ก็ต้องเดินด้วยเท้าไปอีกประมาณ 500 เมตร และต้องผ่านแผงพระที่อยู่ใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีคนยืนดูอยู่ก่อน 2 คน จึงแวะเข้าไปชมแค่ผ่านๆ ตา เท่านั้นเอง ขณะที่ดูอยู่เจ้าของแผงพระถามว่า"ชอบพระอะไร" ตนก็แค่ยิ้มๆ แต่ไม่ตอบอะไร กลัวตอบไปแล้วเขาหาให้ตนก็ไม่มีเงินซื้ออยู่ดี อยู่ๆ คนที่ดูพระอยู่ก่อนคนนึงถามตนว่า "พกพระอะไรอยู่" ตนจึงตอบว่า "พระพรหมครับ" ชายคนเดิมถามว่า"ขอดูได้มั้ย" ตนจึงหยิบออกมาให้ดู ชายคนนั้นถามว่า "ขายไหม" ตนจึงตอบกลับว่า "ขายจะได้ซักกี่บาทล่ะครับ" เขาถามกลับว่า "จะขายเท่าไหร่หล่ะ พูดมาเลย" ตนจึงบอกว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยขายพระ" เขาถามอีกว่า "บูชามาเท่าไหร่" ตนจึงบอกว่า "ไม่แพง 200 บาท" ชายคนนั้นบอกว่า "งั้น 300 ขายมั้ย กำไร 100" ตอนนั้นบอกเลยลังเลมาก ถึงจะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีเงินติดตัวถึง 300 บาท เขาจึงถามอีกว่า "แล้วมาทำอะไรแถวนี้" ตนบอก "จะมาขายโทรศัพท์ครับ"และเล่าเรื่องให้ฟังถึงสาเหตุที่จะชายโทรศัพท์ หลังจากคุยกันพักนึง เขาขอดูโทรศัพท์ ตนจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาให้ดู เขาถึงกับยิ้ม แล้วพูดว่า "รุ่นนี้เขาไม่ซื้อหรอก มันรุ่นเก่าเกินไป ตกรุ่นแล้ว  ถ้าซื้อจริง น่าจะไม่เกิน 200 หรือมากสุดก็ 300บาท" ตนถึงกับรู้สึกหน้าซีดขั้นมาเลย สักพักชายคนนั้นจึงพูดขึ้นว่า"เอาแบบนี้มั้ยล่ะ โทรศัพท์ไม่ต้องไปขายหรอก เก็บไว้ใช้ ส่วนพระจะให้ราคา 300 และจะให้เงินไว้เดินทางกลับบ้าน อีก 1000 เอามั้ย" พอไดยินอย่างนั้น อยู่ๆน้ำตาก็ไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว ถึงกับสะอื้น แล้วเขาก็ควักเงินออกมาให้ทันที 1300 บาท ตนจึงยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณ ชายผู้ใจดี คนนั้น

     จะด้วยปาฏิหารย์ หรืออะไรก็ตาม แต่ตนเชื่อโดยสนิทใจว่า นี่คือปาฏิหารย์แห่งพระพรหมแน่แท้ ที่บันคาลให้มาเจอชายผู้ใจดีคนนั้น แม้จะรู้สึกเสียดายเหรียญพระพรหม แต่คิดว่านี่คือเจตนาของพระ ที่จะเลือกอยู่กับผู้ที่คู่ควรเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง


ท้าวมหาพรหม หนึ่งในมหาเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์

     ตามความเชื่อแบบพราหมณ์ "พระพรหม" ถือเป็นหนึ่งในสามของพระเป็นเจ้าที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เรียกรวมกันว่า "ตรีมูรติ" ได้แก่ พระอิศวร (ศิวะ) พระพรหม และพระวิษณุ (นารายณ์) ซึ่งถือกันว่าเป็นพระผู้สร้างสรรค์สิ่งทั้งปวง ได้แก่ โลก สวรรค์ และมนุษย์ ในขณะที่พระวิษณุ (นารายณ์) เป็นผู้รักษาดูแลและมีพระอิศวร (ศิวะ) เป็นผู้ทำลาย

     ตามตํานานพระพรหมลักษณะกายสีแดง สี่พักตร์ แปดกร ในแต่ละกรทรงอาวุธที่แตกต่างกันออกไป อาทิ แว่นแก้ว คฑา จักร สายประคำ ธารพระกรไม้เท้า ช้อน หม้อน้ำ คัมภีร์พระเวท ทรงหงส์เป็นพาหนะ และมี "พระสุรัสวดี" หรือ "พระสรัสวดี" เป็นพระมเหสี ที่สถิตของพระพรหมเรียกกันว่า "พรหมพฤนทา" อยู่ในพรหมโลก ว่ากันว่าอยู่เหนือชั้นสวรรค์ขึ้นไปอีก พระพรหมยังถูกแบ่ง ประเภทออกเป็นรูปพรหม และอรูปพรหม พรหมที่เรียกว่า "รูปพรหม" มีถึง 16 ชั้น ได้แก่ พรหมปาริชชาภูมิ พรหมปโรหิตาภูมิ มหาพรหมาภูมิ เป็นต้น 

     ซึ่งพรหมทั้ง 16 ชั้น นี้ กล่าวกันว่าพระองค์ทรงประทับนิ่งไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดเรียกว่านั่งเข้า "ฌาน" ส่วนชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเป็นชั้นของ "อรูปพรหม" เป็นพรหมที่ไม่มีรูป มีแต่จิต มีทั้งหมด 8 ชั้น อาทิ อากาสายัญจายตน วิญญาณัญจายตน อากิญตจัญญายตน และเนวสัญญานายตน พรหมทั้งสี่ชั้นนี้จัดเป็นพลังงานชั้นสูงที่มีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง อำนาจแห่งองค์พรหม จัดเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่จนหลายคนกล่าวว่าชีวิตนั้นคือ "พรหมลิขิต" ดังนี้เองจึงทำให้คนหลายคนที่เชื่อว่าดวงชะตาความเป็นอยู่ของตัวเรานั้นมีความเกี่ยวเนื่องอยู่กับองค์พระพรหม

     ดังนั้นรูปเคารพขององค์พระพรหมจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่คนไทยมานานแม้จะไม่ใช่ทางพุทธแต่ก็มีความเกี่ยวพันทั้งทางประเพณีและความเชื่อศรัทธาวัฒนธรรมวิถีชีวิตกันมายาวนานจนยากจะแยกออกจากกัน



Share:

ไม่มีความคิดเห็น: